วัดร่องขุ่น สวรรค์บนดิน : เชียงราย

อากาศกำลังสบาย ๆ แบบนี้ เราจึงไม่ลังเลที่จะไปเที่ยวเมืองเหนือค่ะ ครั้งนี้มุ่งหน้าไปจังหวัดเชียงราย จังหวัดที่อยู่ทางตอนเหนือสุดของประเทศไทยและยังเป็นจังหวัดที่มีศิลปินที่มีชื่อสร้างผลงานให้พวกเราได้เห็นหลายคน

เราเริ่มต้นการมาเที่ยวจังหวัดเชียงรายที่วัดร่องขุ่น วัดนี้ก็ออกแบบและก่อสร้างโดยศิลปินมีชื่อของเมืองไทย (อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์) ที่ต้องการสร้างวัดให้เหมือนเมืองสวรรค์ (ไม่รู้ว่าสวรรค์เป็นยังงัยแต่วัดนี้ยามต้องแสงแดดสวยมากๆๆ ดูระยิบระยับเมื่อแสงแดดกระทบกับกระจกที่ประดับไว้ที่โบสถ์) เริ่มสร้างปี 2540 ปัจจุบันยังสร้างไม่เสร็จ ขนาดยังไม่เสร็จก็สวยมากค่ะ

วัดนี้ถือเป็นงานพุทธศิลป์ด้วย ซึ่งทุกอย่างมีความหมายค่ะ

โบสถ์ เปรียบเหมือนบ้านของพระพุทธเจ้า
สีขาว แทนพระบริสุทธิคุณ
กระจกขาว หมายถึง พระปัญญาธิคุณ
จักรวาลสะพาน หมายถึง การเดินข้ามวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิ
ก่อนขึ้นสะพานครึ่งวงกลมเล็ก หมายถึง โลกมนุษย์
วงใหญ่ที่มีเขี้ยวเป็นปากของพญามารหรือพระราหู หมายถึง กิเลสในใจแทนขุมนรกคือทุกข์ ผู้ที่จะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในพุทธภูมิต้องตั้งจิตปลดปล่อยกิเลสตัณหาของตนเองลงไปในปากพญามาร เพื่อเป็นการชำระจิตให้ผ่องใสก่อนที่จะเดินผ่านขึ้นไปพบกับพระราหูอยู่เบื้องซ้าย
พญามัจจุราชอยู่เบื้องขวา บนสันของสะพานจะประกอบไปด้วยอสูรกลืนกัน 16 ตน ข้างละ 8 ตน หมายถึง อุปกิเลส 16
กึ่งกลางสะพานหมายถึง เขาพระสุเมรุ ซึ่งเป็นที่อยู่ของเทวดา
ด้านล่างเป็นสระน้ำหมายถึง สีทันดรมหาสมุทร
ดอกบัวทิพย์ 16 ดอกรอบพระอุโบสถ แทนสวรรค์ซึ่งมี 6 ชั้นด้วยกัน ผ่านสวรรค์ 6 เดินลงไปสู่พรหม 16 ชั้น ดอกที่ใหญ่สุด 4 ดอก ตรงทางขึ้นด้านข้างโบสถ์หมายถึง ซุ้มพระอริยเจ้า 4 พระองค์ ประกอบด้วยพระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์
ครึ่งวงกลมหมายถึง โลกุตตรปัญญา
บันไดทางขึ้น 3 ขั้นแทน อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา
ผ่านแล้วขึ้นไปสู่อรูปพรหม 4 แทนด้วยดอกบัวทิพย์ 4 ดอกและบานประตู 4 บาน บานสุดท้ายเป็นกระจกสามเหลี่ยมแทนความว่าง
ก้าวข้ามธรณีประตูเข้าสู่พุทธภูมิภายในประกอบด้วยภาพเขียนโทนสีทองทั้งหมด ผนัง 4 ด้าน เพดานและพื้นล้วนเป็นภาพเขียนที่แสดงถึงการหลุดพ้นจากกิเลสมาร มุ่งเข้าสู่โลกุตตรธรรม (มีการปรับปรุงภาพเขียนอยู่ขณะที่ไปชม ลองสังเกตภาพด้านประตูทางเข้า มีภาพการ์ตูน ยอดมนุษย์ทั้งหลายด้วย ไม่รู้หมายถึงอะไร)
หลังคาโบสถ์ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา นำไปสู่ความว่างคือความหลุดพ้น

อาคารสีทองหลังนี้เป็นส่วนของห้องน้ำค่ะ (อลังการมากๆ)

อ. เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ มีแรงบันดาลใจในการสร้างวัดแห่งนี้อยู่ 3 ประการ คือ เพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
ใครที่ชอบงานศิลป์ก็สามารถเข้าชมผลงานของอาจารย์และเลือกซื้อของที่ระลึกจากวัดร่องขุ่นได้อีกด้วย การเดินทางมาที่จัดนี้ไม่ยากค่ะ หากเดินทางมาจากสนามบินจะผ่านอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายก่อน ขับตรงมาเรื่อยๆ ประมาณ 13km. จนถึงสามแยกไฟแดงทางเข้าน้ำตกขุนกรณ์ จะมองเห็นวัดอยู่ทางขวามือ
Posted by Picasa

ความคิดเห็น

  1. เคยไปเที่ยวมาเหมือนกันครับ แต่ไปแบบไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับวัดนี้เลย ขอบคุณข้อมูลดีๆ และภาพสวยๆครับ ถ้ามีโอกาสไปอีกจะลองสังเกตให้ได้มากกว่าเดิมครับ ^_^

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

ความเห็น