เรานั่งเรือเฟอรี่มาเมืองคุมาโมโต้ซึ่งเมืองแห่งการปกครองและวัฒนธรรมชาวใต้ และยังได้รับการขนานนามให้เป็นเมืองแห่งความร่มรื่นด้วย
และแล้วเราก็มาถึงสวนญี่ปุ่นแล้ว เย้!!! สวนนี้ชื่อสวนซุยเซนจิ ตกแต่งแบบญี่ปุ่นแท้ๆ โดยโชกุนตระกูล hosokawa ตั้งแต่ 300 ปีก่อนแน่ะ
มาต่อด้วยปราสาทคุมาโมโต้ ที่ติด 1 ใน 3 ของปราสาทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบคลาสสิค มีอายุ 420 ปี ภายในจัดแสดงวัตถุโบราณ

ออกจากปราสาทเราก็มุ่งหน้าสู่ภูเขาไฟอะโซะ (เป็นภูเขาไฟที่เพียงแค่หลับใหลชั่วคราวเท่านั้นนะ เพราะมันจะระเบิดทุกๆ 2-3 ปี ตื่นเต้นจัง) เมื่อไปถึงเราต้องขึ้นกระเช้ากันต่อใช้เวลาไม่นานก็ถึงปากปล่องภูเขาไฟ
ออกจากปราสาทเราก็มุ่งหน้าสู่ภูเขาไฟอะโซะ (เป็นภูเขาไฟที่เพียงแค่หลับใหลชั่วคราวเท่านั้นนะ เพราะมันจะระเบิดทุกๆ 2-3 ปี ตื่นเต้นจัง) เมื่อไปถึงเราต้องขึ้นกระเช้ากันต่อใช้เวลาไม่นานก็ถึงปากปล่องภูเขาไฟ
ที่เห็นในภาพเป็นน้ำธรรมชาติที่หล่อไว้กันความร้อนของภูเขาไฟ มองเห็นเป็นสีฟ้าใส วันนี้พวกเราโชคดีทิศทางลมเป็นใจจึงสามารถขึ้นมาชมข้างบนปล่องได้
ภูเขาไฟที่ดับแล้ว จะมีต้นหญ้าขึ้นปกคลุม ยังมองเห็นเป็นปล่องอยู่เลย เมืองนี้เลี้ยงวัวเป็นอาชีพ otop ของเขาก็คือผลิตภัณฑ์จากนม ขอบอกว่านมที่นี่อร่อยมากๆๆ
ปล. ห้องหมักทรายร้อยเป็นห้องรวมชายหญิงนะ แต่ก็ไม่โป๊หรอกเพราะก่อนหมักเขาจะแจกชุดยูกาตะให้เปลี่ยนก่อน เสร็จจากทรายร้อนบางคนก็ไปออนเซน(อาบน้ำแร่)ต่อ ทีนี้แหล่ะ ไม่มีชุดอะไรเหลือเลย แต่เขาแยกระหว่างชายหญิงนะ เราเลือกทำสปาเท้าต่อดีกว่า
ไชโย..ในที่สุดก็มีภาพของพี่ปรากฏในบันทึกการเดินทางของดิวแล้ว เย้ เย้
ตอบลบ